คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว เป็นจริงได้ด้วยสเต็มเซลล์ (youthful)
หากเป็นไปได้คงไม่มีใครอยากเห็นผิวพรรณและใบหน้าของตนร่วงโรยลงไปตามอายุ เราจึงได้เห็นผู้คนมากมายออกตามหายาอายุวัฒนะเพื่อชะลอวัยมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนใกล้เคียงความจริงมากขึ้นเมื่อมนุษย์เราได้คิดค้นผลิตภัณฑ์อย่างเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวเพื่อประทินผิวให้กลับมาเรียบเนียน แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้อย่างยั่งยืน ส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่การปิดบังหรือเติมเต็มภายนอกเท่านั้น ต่างกับนวัตกรรมใหม่อย่างการใช้ “สเต็มเซลล์เพื่อการชะลอวัย” ที่จะช่วยดูแลผิวพรรณแบบลงลึกถึงระดับโครงสร้าง ทำให้คงความอ่อนวัยไว้กับตัว
คุณสมบัติพิเศษของสเต็มเซลล์
สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดนั้นมีคุณสมบัติพิเศษตรงที่สามารถเจริญไปเป็นเซลล์ในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย จึงเป็นที่สนใจของวงการแพทย์ รวมไปถึงแพทย์ผิวหนังและความงาม ที่หวังจะนำสเต็มเซลล์ไปใช้ประโยชน์เพื่อการชะลอวัยจนมีการวิจัยต่างๆ ตามมามากมาย และประสบความสำเร็จในที่สุด
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อคนเราอายุย่างเข้าวัยเลขสามก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณที่เป็นสัญญาณของความชรา ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่น ร่องลึก ฝ้า กระ ผิวหนังบาง แพ้ง่าย เป็นต้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากหลากปัจจัย ซึ่งปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งก็คือการที่สเต็มเซลล์ในร่างกายมีปริมาณลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ทั้งยังมีประสิทธิภาพการทำงานลดลงด้วย
สเต็มเซลล์เข้าไปฟื้นฟูสภาพผิว
หากเพิ่มปริมาณสเต็มเซลล์มีชีวิตที่มีคุณภาพเข้าสู่ร่างกาย เซลล์เหล่านี้จะไปช่วยซ่อมแซมและทดแทนเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพหรือได้รับความเสียหาย คล้ายกับกระบวนการของเซลล์ผิวเด็ก นั่นจึงเป็นผลให้ผิวหน้ากระจ่างใสและคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณได้
แต่ก่อนนั้นแพทย์จะเจาะไขกระดูกเพื่อเก็บสเต็มเซลล์โดยตรง ซึ่งเป็นไปด้วยความยุ่งยากและอาจสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้เข้ารับบริการอยู่พอสมควร แต่ในปัจจุบันนี้แพทย์สามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้จากกระแสเลือด โดยฉีดยากระตุ้นให้สเต็มเซลล์ออกมาสู่กระแสเลือดก่อน แล้วจึงทำการจัดเก็บต่อไป ซึ่งทั้งสะดวกและปลอดภัยมากกว่าเก่า ทั้งยังสามารถนำไปเพาะเลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าด้วย
กระตุ้นกระบวนการคืนความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
การฉีดสเต็มเซลล์นั้นถือว่าเป็นกระบวนการคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากไม่มีการใช้สิ่งแปลกปลอมจากภายนอกเหมือนการใช้เครื่องสำอางหรือสารเคมีอื่นๆ จึงเข้ากันได้กับร่างกายโดยไม่มีการต่อต้าน และสเต็มเซลล์เหล่านี้จะเข้าไปกระตุ้นกระบวนการต่างๆ ส่งผลดีต่อผิวพรรณในระยะยาว
สเต็มเซลล์จะทำหน้าที่ฟื้นฟูสภาพผิวด้วยวิธีต่างๆ อาทิ
- รักษารอยแผลและลดริ้วรอย
- ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
- เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้
- เพิ่มเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ซึ่งมีส่วนในการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับผิวหนัง
- กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ
ผิวพรรณของผู้ได้รับการฉีดสเต็มเซลล์จะได้รับการฟื้นฟูและบำรุงให้สดใสเปล่งปลั่ง ดูมีออร่า กระชับ เต่งตึง เรียบเนียนและช่วยชะลออายุผิว โดยจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ 2-3 วันแรก และเห็นได้อย่างชัดเจนภายใน 1-2 ดือน การฉีดในแต่ละครั้งใช้เวลาเพียงไม่นาน ประมาณ 30 นาที แนะนำให้เข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ทุก 6 เดือน – 1 ปี
ศึกษาข้อมูลก่อนเข้ารับบริการ
แม้สเต็มเซลล์จะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน โดยแพทย์จะประเมินสภาพผิวเพื่อวิเคราะห์ปัญหาของแต่ละบุคคลก่อนจะพิจารณาแผนการรักษาที่เหมาะสม ที่ปรับตามผู้เข้ารับบริการแต่ละราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย รวมถึงอายุ สภาพร่างกาย และผลลัพธ์ที่ผู้เข้ารับบริการต้องการด้วย โดยการฉีดสเต็มเซลล์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
การใช้สเต็มเซลล์เพื่อการชะลอวัยเป็นนวัตกรรมทางเลือกใหม่ที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวที่ร่วงโรยได้ในระยะยาว โดยแทบจะไม่ส่งผลข้างเคียง จึงได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ผู้สนใจเข้ารับบริการก็ต้องศึกษาและหาข้อมูลให้รอบด้าน รวมถึงเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานเช่นกัน